Post : 2013-12-24 12:16:28.0
Forum: สาระน่าสนใจ
> แผ่นลามิเนต
ความรู้เกี่ยวกับแผ่นลามิเนต
เมื่อกล่าวถึงพื้นแล้วนั้นก็จะมีวัสดุอยู่มากมายที่จะนำมาใช้ในการปูดังนั้นแล้วจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะควรจะศึกษาเลือกแผ่นปูพื้นที่จะนำมาใช้นั้นให้มีความเหมาะสมกับความต้องการและพื้นที่ให้ได้มากที่สุด อย่างเช่นเรื่องของแผ่นลามิเนตนั้นก็จะเป็นวัสดุอีกแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
เกี่่ยวกับพื้นไม้ลามิเนต
สำหรับพื้นไม้ลามิเนตนั้นก็จะมีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ 4 ส่วนด้วยกัน จึงก็จะนำเอาข้อมูลมาอธิบายกันได้ดังนี้
- จากรูปที่ตำแหน่ง C จะเป็นชั้นที่อยู่ตรงกลางซึ่งก็จะเห็นได้ว่าจะมีความหนามากที่สุด โดยวัสดุที่ใช้ทำนั้นจะเป็นไม้เนื้อแข็งแต่จะถูกนำมาย่อยให้เป็นผงก่อน แล้วก้จะเอาไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ที่สำคัญ แล้วก็นำไปขึ้นรูปเป็นแผ่นออกมา โดยกรรมวิธีนั้นจะเรียกกันว่า High Density Fiberboard หรือ HDF ซึ่งผลที่ได้ออกมานั้นจะเป็นเนื้อไม้ที่ดูคล้ายกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก แต่จะมีความแข็งแรงอีกทั้งยังมีความยืดและหดตัวน้อยกว่าเนื้อไม้จริงๆอยู่หลายเท่าเลย ทำให้เมื่อโดนน้ำแล้วก็จะไม่ค่อยจะขยายหรือหดตัวมากนักทำให้เมื่อนำไปปูเป็นพื้นแล้วก็จะไม่เสียรูปทรง
- ต่อมาที่ตำแหน่ง B จะเป็นชั้นของลายไม้ที่ถูกออกแบบมาเลียนแบบลายไม้จากธรรมชาติด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็จะให้ผลออกมาเป็นลายที่ใกล้เคียงของจริงมาก ดูเป็นธรรมชาติ และก็นำมาปิดทับกับชั้นที่อยุ่ตรงกลางคือชั้น C ซึ่งก็จะทำให้ดูเหมือนไม้จริงๆ
- และถัดขึ้นไปอีกนั้นก็จะเป็นชั้น A ซึ่งก็จะเป็นชั้นบนหรือเป็นชั้นที่อยู่ด้านนอกสุด ผิวจะเป็นหนังที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในการป้องกันรอยขีดข่วนโดยเฉพาะซึ่งก็จะมีความใสมากจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อสะท้อนกับแสง
- และส่วนสุดท้ายก็จะเป็นตำแหน่ง D เป็นส่วนที่อยู่ชั้นล่างหรือเป็นชั้นที่อยู่ด้านในสุด เป็นวัสดุที่ถูกออกแบบมาเป็นแผ่นป้องกันความชื้นโดยเฉพาะ ทำให้โอกาสของการหลุดลอกเกิดขึ้นได้น้อยมากเมื่อเทียบกับแผ่นยางปูพื้นทั่วไป แต่โดยปกติแล้วจะไม่เคยหลุดลอกหากไม่มีน้ำขังอยู่เป็นเวลานาน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการป้องกันปลวกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
และเมื่อได้วัสดุทั้งสี่ชั้นมาครบแล้ว ก็จะนำไปเข้าขบวนการผลิตออกมาเป็นแผ่นไม้ลามิเนตที่สมบูรณ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนั้นก็จะใช้กรรมวิธีการหลอมละลายให้เป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งก็จะส่งผลให้ในแต่ละชั้นนั้นไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้ ทำให้แม้เปียกน้ำก็จะไม่หลุดลอกออกจากกัน
ในลักษณะการใช้งานนั้นก็จะขึ้นอยู่กับรูปแบบของโครงสร้างด้วยว่าต้องทำการยึดในลักษณะใด เพราะในแต่ละแบบนั้นก็จะมีความแตกต่างกันออกไป โดยพื้นฐานแล้วนั้นก็จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแรงที่มากระทำ ซึ่งถ้ามีแรงที่มากระทำทางด้านข้างด้วยนั้นจะต้องเลือกใช้สกรูที่สามารถทนต่อแรงเฉือนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องเลือกจากประเภทของวัสดุที่ใช้ ซึ่งก็จะมีค่าความแข็งแรงกำหนดตามมาตรฐานที่ทางผู้ผลิตกำหนดมา อย่างถ้าเป็นของที่ผลิตมาจากประเทศญี่ปุ่นก็จะเป็น JIS หรือถ้าเป็นของทางยุโรปก็จะเป็น ISO ซึ่งก็จะอิงไปตามรูปร่าง ขนาด และก็ความทนทาน เป็นต้น ซึ่งในการเลือกใช้งานก็จะต้องพิจารณาในเรื่องของปริมาณที่ใช้ด้วยเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
