Support
Health-Cared
081 7704741 , 080 2698000 (whatapp)
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ปัจจัยหลักการเพิ่มความสูง

วันที่: 2012-09-25 12:46:24.0

 5 ปัจจัยหลักที่มีผลต่อความสูงของคนเราที่ครอบคลุมทุกเหตุผลโดยสิ่งแรกนั้นก็คือปัจจัยทางพันธุกรรม

 

     พันธุกรรม ซึ่งหากได้ยินคำพูดแบบนั้นแล้วแก้ยาก เพราะถือเป็นวิธีแห่งธรรมชาติที่ยังไม่มีใครสามรถฝืนความเป็นธรรมชาติไปได้ โดยลักษณะทางพันธุกรรมเกี่ยวกับเรื่องยีนและโครโมโซม โดยความหมายของยีนนั้นก้หมายถึง หน่วยพันธุกรรมที่อยู่บนโครโมโซม มีลักษณะเรียงกันเหมือนสร้อยลูกปัด ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่างๆ ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปยังลูกหลาน ในคนจะมียีนประมาณห้าหมื่นยีน แต่ละยีนจะควบคุมลักษณะต่างๆ ทางพันธุกรรมเพียงลักษณะเดียว ยีนที่ควบคุมลักษณะพันธุกรรมบางอย่างมีสองชนิด คือ ยีนเด่นคือ ยีนที่แสดงลักษณะนั้นๆ ออกมาได้ แม้มียีนนั้นเพียงยีนเดียวและยีนด้อย คือ ยีนที่สามารถแสดงลักษณะให้ปรากฏออกมาได้ ก็ต่อเมื่อมียีนด้อยทั้งสองยีนอยู่บนคู่โครโมโซม

     ฮอร์โมน เปรียบเสมือนไดรเวอร์ของคอมพิวเตอร์ที่เป็นสื่อในการถ่ายถอดให้การทำงานของระบบภายในของร่างกายได้รู้จักกันและสามารถทำงานได้กันอย่างมีประสิทธิ์ภาพตามคำสั่งของสมองซึ่งเปรียบเสมือนเครื่อง CPU ของคอมพิวเตอร์นั้นเอง โดยความหมายแล้วนั้นฮอร์โมนั้นหมายถึงผู้ที่นำสารเคมีจากเซลล์ในร่างกายที่เป็นกลุ่มเซลล์ ๆ หนึ่งที่ทำหน้าที่อย่างหนึ่ง โดยการทำงานจะถูกส่งตรงไปยังกระแสเลือด โดยหน้าที่ของฮอร์โมนคือเป็นสัญญาณในการบอกว่าควรทำงานหรือควรหยุดงาน โดยมีแบ่งหน้าที่สำคัญออกไปดังนี้
    1. การกระตุ้นหรือการยับยั้งการเจริญเติบโตของภายในร่างกายซึ่ง ส่วนนี้หละที่ใครจะมีความสูง เตี้ยมากกว่ากันฮอร์โมนสำคัญมากในการช่วยเรื่องการเติบโตภายในร่างกาย
    2. การกระตุ้นหรือการยับยั้งของกลุ่มเซลล์หนึ่ง ๆ 
    3. ระบบภูมิป้องกันของเราก็มาจากกการกระตุ้นหรือยับยั้งของฮอร์โมนดังนั้นคนที่ต้องการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเองเพิ่มขึ้นย่อมอยากได้อาหารเสริมไปสามรถกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ตนเองได้โดยมีฮอร์โมนเป็นตัวส่งสัญญาณนั้นเอง
    4. การควบคุมอารมณ์ ฮอร์โมนนี้หละเป็นตัวกระตุ้นหรือยับยั้งเหมือนกัน

ประโยชน์ ของ คอลาเจน

คอลลาเจนคือสารที่คัดหลั่งมาจากเซลล์ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue cells) โปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก ๆ ของชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นตัวประสานเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าด้วยกัน โดยโปรตีนชนิดนี้มีส่วนประกอบถึง 25% ถึง 35% ของจำนวนหน่วยโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย โดยมีมากที่สุดที่ผิวหนัง และ ประมาณ 1% ถึง 2% ที่ปะปนอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ การผลิตเจลลาตินในอาหารได้จากกรรมวิธี การย่อยหน่วยคอลลาเจนที่เรียกว่า Hydrolysis

คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นสายยาว ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างจากสารโปรตีนโดยทั่ว ๆ ไปเช่นแดียวกับเอนไซม์ สายเส้นใยของคอลลาเจนถูกเรียกว่า Collagen Fiber (คอลลาเจน ไฟเบอร์} ซึ่งจะมีลักษณะเป็นสายเกลียวที่มีหน่วยโมเลกุลเกี่ยวพันกันมากมาย โดยปกติทั่วไปผิวหนังที่มีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างอยู่มากจึงมีแรงสปริงตัวและ ยืดหยุ่นได้ดีตามไปด้วย คอลลาเจนนั้นไม่ได้มีอยู่ที่ผิวหนังส่วนนอกเท่านั้น อวัยวะภายในร่างกายเอง ก็มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่มาก ได้แก่ ผังผืด (Fascia), กระดูกอ่อน (cartilage), เส้นเอ็น (ligaments), ข้อต่อ (tendons), กระดูก (bone) สารคอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบหลักของชั้นผิวมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เคราติน Keratin

เคราตินมีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เมื่อสารเคราตินในชั้นผิวลดลง จึงเกิดริ้วรอยแห่งวัยขึ้นบนชั้นผิว, นอกจากนี้ เคราตินมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ รวมทั้งยังเป็นส่วนประกอบของเยื่อกระจกตาและเลนส์ตาด้วย

Hydrolyzed Collagen เองยังถูกใช้งานในแง่ของการลดน้ำหนักได้ด้วย เนื่องจากเป็นส่วนประกอบของโปรตีนจึงมีข้อดีในการช่วยเผาผลาญพลังงานลดไขมันส่วนเกิน

เมื่อนำคอลลาเจนมาผ่านกระบวนการ Hydrolyzed สารคอลลาเจนจะแตกตัวออกเป็นสารเชิงซ้อนของคอลลาเจนเปปไทด์แบบ Polyproline II (PPII) หรือลักษณะของเจลาตินที่นำมาเป็นส่วนผสมของอาหารนั่นเอง นอกจากการใช้เป็นอาหารแล้ว คอลลาเจนยังใช้เป็นส่วนประกอบของยา เครื่องสำอาง และฟีล์มถ่ายภาพเมื่อพิจารณาในแง่ของอุตสาหกรรมอาหารแล้ว สารคอลลาเจนไม่ได้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่มีการประชาสัมพันธ์เชิงการค้าว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมคอลลาเจ นต่างแสดงคุณสมบัติของสินค้าว่าสามารถยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัยและมีผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งยังไม่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ออกมาสนับสนุนการโฆษณาในลักษณะนี้

คำว่า Collagen(คอลลาเจน) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกจากคำว่า “Kolla” ที่แปลว่า กาว โดยเมื่อก่อนได้มีการทำกาวโดยการนำหนังและเอ็นม้ามาเคี่ยวจนกลายเป็นกาว ตามหลักฐานที่พบมีการใช้งานกาวลักษณะนี้มากว่า 8000 ปีแล้ว โดยใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเชือกและตะกร้าสานเพื่อให้มีความแข็งแรง และมีการใช้งานภายในครัวเรือนทั่วไป กาวชนิดนี้เมื่อแห้งแล้วสามารถทำให้อ่อนนิ่มได้อีกโดยการให้ความร้อน เพราะกาวจากสิ่งมีชีวิตเป็น Thermoplastic ชนิดหนึ่งจึงมีการใช้งานได้หลากหลายโดยเฉพาะการผลิกเครื่องดนตรีเช่น ไวโอลีน กีตาร์ แม้กระทั่งเมื่อมนุษย์สามารถผลิตพลาสติกสังเคราะห์ได้แล้ว แต่ก็ยังมีการใช้งานกาวเจลาตินอยู่ทั่วไป

คอลลาเจนมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในวงการศัลยกรรมความงาม ศัลยกรรมกระดูก การจัดฟัน และวงการศัลยกรรมทั่วไป เป็นส่วนประกอบของผิวหนังสังเคราะห์ที่ใช้ในผู้ป่วยที่สูญเสียผิวหนังเนื่อง จากอุบัติเหตุไฟไหม้ ซึ่งใช้คอลลาเจนสังเคระห์จากผิวหนังของลูกวัว (Bovine), หรือจากหมู (Equine, Porcine) บางครั้งจะใช้ผิวหนังจากผู้บริจาค หรือใช้ซิลิโคนสังเคราะห์แทน

คอลลาเจนได้มีการจำหน่ายในลักษณะของ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนช่วยเคลื่อนไหว เนื่องจากคอลลาเจนเมื่อรับประทานเข้าไปจะย่อยสลายเป็นโปรตีนและกรดอะมิโนใน ที่สุด จึงช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ